10
ศักยภาพการเติบโต เปรียบเทียบวิสาหกิจที่เป็นนิติบุคคล กับ
บุคคลธรรมดา
สำนักงานส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม
(สสว.) เปิดเผยผลการสำรวจศักยภาพและโอกาสในการเติบโตของ MSME
ไตรมาสที่ 1 ปี 2567
โดยสำรวจจากกลุ่มตัวอย่างของผู้ประกอบการ MSME เบื้องต้นจำนวน
1,000 ราย ประกอบด้วยกิจการที่เป็นบุคคลธรรมดาจำนวน 500 ราย
และกิจการที่เป็นนิติบุคคลจำนวน 500 ราย พบผลการศึกษาใน 10 ประเด็นที่น่าสนใจ
สะท้อนศักยภาพ MSME ดังนี้
1. นิติบุคคลเติบโตเฉลี่ยได้ดีกว่าบุคคลธรรมดา
กิจการ MSME ที่เป็นบุคคลธรรมดาโดยเฉลี่ยมีศักยภาพและโอกาสในการเติบโตในระดับต่ำค่อนไปทางระดับปานกลาง
โดยมีค่าเฉลี่ยของดัชนีของดัชนีศักยภาพและโอกาสในการเติบโตเท่ากับ 0.5420 ในขณะที่กิจการที่เป็นนิติบุคคลโดยเฉลี่ยมีศักยภาพและโอกาสในการเติบโตในระดับปานกลาง
โดยมีค่าเฉลี่ยของดัชนีดัชนีศักยภาพและโอกาสในการเติบโตเท่ากับ 0.6274
2.
นิติบุคคลน่าเชื่อถือ มีระบบบริหารงานดีกว่าบุคคลธรรมดา
ลักษณะดังกล่าวสะท้อนให้เห็นว่า
การจดจัดตั้งเป็นนิติบุคคลเป็นกลไกสำคัญที่ช่วยยกระดับศักยภาพและโอกาสในการเติบโตให้แก่
MSME
เนื่องจากจะช่วยผลักดันให้ผู้ประกอบการและกิจการต้องมีการปรับปรุงและพัฒนากระบวนการดำเนินงานหลายประการ
ซึ่งส่งผลดีต่อประสิทธิภาพการดำเนินงานและความน่าเชื่อถือของกิจการ
และช่วยให้กิจการมีศักยภาพและโอกาสในการเติบโตสูงขึ้น ตัวอย่างเช่น
การจัดทำบัญชีและงบการเงินอย่างเป็นมาตรฐานเพื่อรายงานต่อกรมพัฒนาธุรกิจการค้า จะช่วยให้กิจการรับรู้ผลการดำเนินงานที่แท้จริงของตนเอง
ช่วยให้เห็นปัญหาที่แท้จริงของกิจการ นำไปสู่การแก้ปัญหาที่ตรงจุด
อีกทั้งยังช่วยในการขอสินเชื่อจากสถาบันการเงินได้อีกด้วย นอกจากนี้การเป็นนิติบุคคลยังช่วยสร้างความน่าเชื่อให้แก่กิจการ
ช่วยดึงดูดบุคลากรที่มีศักยภาพให้มาทำงาน ช่วยในการสร้างเครือข่ายพันธมิตรทาง
ธุรกิจ
อีกทั้งยังช่วยให้เข้าถึงการช่วยเหลือและสนับสนุนจากหน่วยงานภาครัฐได้อย่างทั่วถึงมากยิ่งขึ้นอีกด้วย
3.
ศักยภาพนิติบุคคลมีความเหนือกว่าบุคคลธรรมดารอบด้าน
เมื่อพิจารณาองค์ประกอบการย่อยทั้ง 4 ของศักยภาพและโอกาสในการเติบโต
จะเห็นว่ากิจการนิติบุคคลมีศักยภาพเหนือกว่ากิจการบุคคลธรรมดาเป็นอย่างมากในด้านปัจจัยพื้นฐานของกิจการ
ด้านคุณลักษณะของผู้ประกอบการ และด้านการดำเนินงานของกิจการ นั่นคือ
กิจการบุคคลธรรมดามีศักยภาพด้านปัจจัยพื้นฐานของกิจการและด้านการดำเนินงานของกิจการในระดับปานกลาง
แต่กิจการนิติบุคคลมีศักยภาพทั้งสองด้านดังกล่าวในระดับสูง
ในขณะที่กิจการบุคคลธรรมดามีศักยภาพด้านคุณลักษณะของผู้ประกอบการในระดับต่ำ
แต่กิจการนิติบุคคลมีศักยภาพด้านดังกล่าวในระดับปานกลาง
4.
นิติบุคคลใหญ่และพร้อมขยายมากกว่าบุคคลธรรมดา
ลักษณะดังกล่าวสะท้อนว่า
กิจการนิติบุคคลโดยเฉลี่ยมักมีขนาดใหญ่กว่าและมีความพร้อมมากกว่ากิจการบุคคลธรรมดา
ทำให้มีข้อได้เปรียบในการทำธุรกิจหลายประการ
ไม่ว่าการมีความพร้อมทางด้านปัจจัยการดำเนินงานที่จำเป็น ความสามารถเข้าถึงแหล่งเงินทุนในต้นทุนต่ำ
การได้รับข้อมูลข่าวสารที่เป็นประโยชน์อย่างสม่ำเสมอ
ตลอดจนการมีความรู้และทักษะที่จำเป็น
ส่งผลทำให้มีศักยภาพและโอกาสในการเติบโตสูงตามไปด้วย
5. นิติบุคคลมีกฎกติกาควบคุมด้านการเงินที่เข้มงวดกว่าบุคคลธรรมดา สะท้อนต้นทุนที่แท้จริง
อย่างไรก็ตาม
กิจการนิติบุคคลมีศักยภาพด้านผลประกอบการของกิจการต่ำกว่ากิจการบุคคลธรรมดาค่อนมาก
โดยกิจการบุคคลธรรมดาโดยเฉลี่ยมีศักยภาพด้านผลประกอบการของกิจการในระดับปานกลางค่อนสูง
ในขณะที่กิจการนิติบุคคลมีศักยภาพด้านดังกล่าวเพียงในระดับต่ำเท่านั้น สาเหตุสำคัญได้แก่
a. กิจการนิติบุคคลต้องจัดทำบัญชีและงบการเงินตามมาตรฐานการบัญชี
จึงทำให้สามารถจัดทำบัญชีและงบการเงินที่สะท้อนต้นทุนของกิจการอย่างครบถ้วน
ทั้งต้นทุนที่เป็นตัวเงิน และต้นทุนที่ไม่เป็นตัวเงิน ตัวอย่างเช่น ค่าเสื่อมราคา
ค่าเผื่อหนี้สงสัยจะสูญ ฯลฯ จึงทำให้ตัวเลขกำไรของกิจการนิติบุคคลมีค่าต่ำกว่า
b. กิจการนิติบุคคลมีแนวโน้มที่จะมีกำไรมาก
ทำให้ต้องเสียภาษีเงินได้นิติบุคคลเป็นจำนวนมาก จึงมีแนวโน้มที่จะมีการจัดการกำไร
(Earnings
Management) เพื่อให้ตัวเลขกำไรมีค่าลดลง
เพื่อให้ได้ประโยชน์ในทางภาษี
c. กิจการนิติบุคคลมักมีขนาดใหญ่กว่ากิจการบุคคลธรรมดา
ทำให้มีเครื่องจักรอุปกรณ์ขนาดใหญ่ที่มีต้นทุนสูง
ซึ่งต้องมีปริมาณการผลิตจำนวนมากจึงจะสามารถมีต้นทุนขายในอัตราต่ำได้ ดังนั้น
หากมีปริมาณการผลิตที่ไม่เหมาะสมกับขนาดของเครื่องจักรอุปกรณ์ก็จะทำให้ต้นทุนขายมีอัตราสูง
ทำให้อัตรากำไรสุทธิต่ำลงได้
d. การคำนวณดัชนีศักยภาพด้านผลประกอบการเฉพาะกรณีของ
MSME
ที่เป็นนิติบุคคลมีตัวชี้วัดสัดส่วนรายได้อื่น ๆ
ที่มิได้มาจากการขายสินค้าและให้บริการ
ซึ่งเป็นตัวชี้วัดการกระจายความเสี่ยงของกิจการ โดยพบว่ากิจการเกือบทั้งหมดยังไม่มีการสร้างรายได้จากแหล่งอื่น
ๆ ส่งผลทำให้ดัชนีผลประกอบการของกิจการของ MSME ที่เป็นนิติบุคคลมีค่าต่ำกว่า
6. การเติบโตและความแข็งแกร่งสอดคล้องตามขนาดวิสาหกิจ
ยิ่งขนาดใหญ่ยิ่งแข็งแรง
เมื่อพิจารณาเปรียบเทียบระหว่างวิสาหกิจรายย่อยและวิสาหกิจขนาดย่อมที่เป็นบุคคลธรรมดา
พบว่าวิสาหกิจขนาดย่อมมีศักยภาพเหนือกว่าวิสาหกิจรายย่อยในทุกมิติ
ทั้งศักยภาพและโอกาสในการเติบโตในภาพรวม และศักยภาพตามองค์ประกอบย่อย
และเมื่อพิจารณาเปรียบเทียบระหว่างวิสาหกิจขนาดย่อมที่เป็นนิติบุคคลและวิสาหกิจขนาดกลาง
พบว่าผลลัพธ์ไม่แตกต่างกัน นั่นคือ
วิสาหกิจขนาดกลางมีศักยภาพเหนือกว่าวิสาหกิจขนาดย่อมในทุกมิติ
ทั้งศักยภาพและโอกาสในการเติบโตในภาพรวม และศักยภาพตามองค์ประกอบย่อย
7. วิสาหกิจขนาดกลางมีโอกาสก้าวสู่การเติบโตสูงสุด
หากไม่คำนึงถึงศักยภาพด้านผลประกอบการของกิจการ
วิสาหกิจขนาดกลางมีศักยภาพและโอกาสในการเติบโตสูงที่สุด
ทั้งในภาพรวมและด้านปัจจัยพื้นฐานของกิจการ ด้านคุณลักษณะของผู้ประกอบการ
และด้านการดำเนินงานของกิจการ ในขณะที่วิสาหกิจรายย่อยมีศักยภาพต่ำที่สุด
ทั้งในภาพรวมและองค์ประกอบย่อยทั้งสามด้านดังกล่าว
8. ความรู้และทักษะยังเป็นอาวุธที่สำคัญเพื่อยกระดับความได้เปรียบ
เมื่อเปรียบระหว่างวิสาหกิจขนาดย่อมที่เป็นบุคคลธรรมดาและเป็นนิติบุคคล
พบว่ากิจการทั้งสองรูปแบบมีศักยภาพด้านปัจจัยพื้นฐานของกิจการใกล้เคียงกัน
อย่างไรก็ตาม วิสาหกิจขนาดย่อมที่เป็นนิติบุคคลมีศักยภาพด้านคุณลักษณะของผู้ประกอบการและด้านการดำเนินงานของกิจการสูงกว่าวิสาหกิจขนาดย่อมที่เป็นบุคคลธรรมดา
สะท้อนว่าการที่มีผู้ประกอบการมีความรู้และทักษะที่พร้อมต่อการทำธุรกิจจะนำไปสู่การดำเนินงานที่เกื้อหนุนต่อการยกระดับประสิทธิภาพในการดำเนินงานและการสร้างความได้เปรียบในการแข่งขัน
9. โดยรวมนิติบุคคลมีศักยภาพเติบโตที่ดีกว่าบุคคลธรรมดา
หากพิจารณาสัดส่วนของกิจการ
MSME จำแนกตามระดับศักยภาพและโอกาสในการเติบโตจะเห็นได้อย่างชัดเจนว่ากิจการนิติบุคคลมีศักยภาพและโอกาสในการเติบโตสูงกว่าวิสาหกิจที่เป็นบุคคลธรรมดาอย่างชัดเจน
โดยกิจการนิติบุคคลที่มีศักยภาพและโอกาสในการเติบโตในระดับปานกลางขึ้นมีสัดส่วนร้อยละ
79.20
ในขณะที่กิจการบุคคลธรรมดาที่มีศักยภาพและโอกาสในการเติบโตในระดับปานกลางขึ้นมีสัดส่วนเพียง
ร้อยละ 42.80
10. โอกาสเติบโต
สอดคล้องไปกับขนาดของวิสาหกิจที่ดำเนินการ
หากพิจารณาตามกลุ่มย่อยของวิสาหกิจ
พบว่าขนาดของกิจการมีความสัมพันธ์ในเชิงบวกกับระดับศักยภาพและโอกาสในการเติบโต
กล่าวคือ วิสาหกิจรายย่อย
วิสาหกิจขนาดย่อมที่เป็นนิติบุคคลวิสาหกิจขนาดย่อมที่เป็นบุคคลธรรมดา
และวิสาหกิจขนาดกลางที่มีศักยภาพและโอกาสในการเติบโตในระดับปานกลางขึ้นไปมีสัดส่วนร้อยละ
27.61 76.82 80.01 และ 93.16 ตามลําดับ
สามารถติดตามรายละเอียดรายงานสถานการณ์ของ MSME ไตรมาสที่ 1 ปี 2567 คลิกที่นี่
สำนักงานส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (สสว.)
เลขที่ 120 หมู่ 3 ศูนย์ราชการเฉลิมพระเกียรติ 80 พรรษา 5 ธันวาคม 2550
(อาคารซี) ชั้น 2, 10, 11 ถนนแจ้งวัฒนะ แขวงทุ่งสองห้อง
เขตหลักสี่ กรุงเทพ 10210
โทร. 1301 , 02-142-9000
อีเมล์ saraban@sme.go.th (สารบรรณกลาง หรือส่งหนังสือ)
อีเมล์ osmepcare@sme.go.th (ส่งเรื่องร้องเรียน หรือร้องทุกข์ของ สสว.)
อีเมล์ info@sme.go.th (ส่งเรื่อง สอบถามข้อมูล เสนอแนะความคิดเห็น)